สาธารณรัฐเชค 3วัน 2คืน
(ไม่รวมเวลาบิน)
Czech In Special
วันที่ 1
ปรากกรุงปราก (Prague) เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชค ซึ่งได้สมญานามว่าเป็นนครแห่งปราสาท ชมปราสาทแห่งปราก (Prague Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเนินเขาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 9 ในสมัยเจ้าชาย Borivoj แห่งราชวงศ์ Premyslids ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทำเนียบประธานาธิบดีตั้งแต่ปี ค.ศ.1918 ชมมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) อันงามสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคในสมัยศตวรรษที่ 14 นับว่าเป็นมหาวิหารสไตล์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปร๊าก ซึ่งพระเจ้าชาร์ลที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1344 ภายในเป็นที่เก็บพระศพของกษัตริย์สำคัญในอดีต เช่น พระเจ้าชาร์ลที่ 4, พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 1 และพระเจ้าแมกซิมิเลี่ยนที่ 2 เป็นต้น แล้วชมพระราช วังหลวง (Royal Palace) ที่เป็นหนึ่งในส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของปราสาท ใช้เป็นที่ประทับของเจ้าชายโบฮีเมียนทั้งหลาย ชมย่านช่างทองโบราณ (Golden Lane) ซึ่งปัจจุบันได้เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึก
เดินชมสะพานชาร์ล (Charles Bridge) สะพานเก่าแก่ข้ามแม่น้ำวัลตาวา สไตล์โกธิคที่สร้างขึ้นตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 14 สมัยพระเจ้าชาร์ลที่ 4 ชมรูปปั้นโลหะของเหล่านักบุญที่ตั้งอยู่สองข้างราวสะพานกว่า 30 องค์ ผ่านสะพานหอคอย (Bridge Tower), ประตูเมืองเก่า “Powder Gate” เขตเมืองในสมัยโบราณ, ศาลาว่าการเมืองหลังเก่า (Old Town Hall) ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1338 มีจุดเด่นคือ นาฬิกาดาราศาสตร์ (Astronomical Clock) ที่ตีบอกเวลาทุกๆ ชั่วโมง ต่อด้วยย่านเก่าชาวยิว (Jewish Quater) และชมวิวเมืองปรากอีกฝั่งจากปราสาทวิเช (Vysehrad)
วันที่ 2
เชสกี้ คลุมลอฟ (Cesky Krumlov) นำชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเพชรน้ำงามแห่งโบฮีเมีย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา ได้รับการยกย่อง จากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ค.ศ.1992 World Heritage นำชมปราสาทครุมลอฟ (Krumlov) จากบริเวณรอบนอก ปราสาทสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1250 เป็นปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองลงมาจากปราสาทปราก และมีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี
ปราสาทฮลูโบข่า (Hluboka) สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 13 โดยกษัตริย์ เวนแซสลาสที่ 1 แต่ต่อมาได้ตกเป็นของตระกูลขุนนางอีกตระกูลหนึ่งคือ ยัคชิม แห่งฮราเด็ค ตัวปราสาทเป็นแบบเรอเนสซองส์ ต่อมาปราสาทแห่งนี้ได้ถูกขายต่อมาอีกหลายครั้ง ท้ายที่สุด ปราสาทฮลูโบค่า ได้ตกไปอยู่ในมือของ ดุ๊ก แห่งคลุมลอฟ ซึ่งได้ทำการปรับปรุงปราสาทให้อยู่ในสภาพที่เห็นกันในปัจจุบัน ชมความสวยงามบริเวณรอบนอกของปราสาท
วันที่ 3
กุ๊ดนา โฮร่า (Kutna Hora) เมืองที่ยิ่งใหญ่แห่งแค้วนโบฮีเมียรองปจากปราก Prague ในช่วงศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1995 ชมโบสถ์เซนต์บาร์บารา St. Barbara’s Cathedral สถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่ก่อสร้างขึ้นตอนปลายศตวรรษที่ 14
ชมโบสถ์กระดูกที่นำโครงกระดูกมนุษย์กว่าสี่หมื่นคนมาตกแต่งอย่างอลังการณ์
คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) เมืองน้ำแร่ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดในแคว้นโบฮีเมีย เมืองที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ว่าเป็นศูนย์กลางบำบัดโรคภัยต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมของผู้คนทั่วโลกที่จะมาใช้บริการรักษาสุขภาพ เมืองนี้มีบ่อน้ำพุร้อนถึง 12แห่งซึ่งมีอุณหภูมิและแร่ธาตุที่แตกต่างกัน เชิญทดลองดื่มน้ำแร่ ซึ่งต้องดื่มกับแก้วที่ทำจากพอชเลนซ์ ที่มีรูปทรงพิเศษ